ทำไมเขาเล่นได้หลากหลายเสียง เสียงเหล่านั้นมันเป็นเสียงอะไร เขาใช้อะไรในการเปลี่ยนเสียงกีตาร์ มีคำตอบ!! มันคือ เอฟเฟคกีตาร์ ที่สามารถเปลี่ยนเสียงกีตาร์ธรรมดา ให้มีความน่าสนใจขึ้นได้ และมันก็มีหลายเสียง โดยแต่ละเสียงสามารถนำมาผสมกันจนเกิดเป็นซาวด์ใหม่ๆ
เอฟเฟคกีตาร์ ที่ควรมีไว้ติดบอร์ด
หลายคนที่สนใจเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ในตอนแรกๆนั้น อาจจะยังไม่ทราบว่า เสียงกีตาร์ในเพลงที่ได้ฟัง หรือที่ไปดูในคอนเสิร์ต ทำไมเขาเล่นได้หลากหลายเสียง น่าสนใจ เสียงเหล่านั้นมันเป็นเสียงอะไร เขาใช้อะไรในการเปลี่ยนเสียงกีตาร์ ที่นี่มีคำตอบ!! มันคือ เอฟเฟคกีตาร์ ที่สามารถเปลี่ยนเสียงกีตาร์ธรรมดา ให้มีความน่าสนใจขึ้นได้ และมันก็มีหลายเสียง โดยแต่ละเสียงสามารถนำมาผสมกันจนเกิดเป็นซาวด์ใหม่ๆได้อีกด้วย
1.ดีเลย์ (Delay)
เป็น เอฟเฟคกีตาร์ ที่สร้างเสียงสะท้อนของเสียงกีตาร์ กล่าวคือ เมื่อเราดีดกีต้าร์ไป 1 เสียงตัวโน็ต ก็จะมีเสียงตัวโน็ตตัวนั้นตามมาหลังจากที่เราดีดไป ซึ่งระยะเวลาที่เกิดเสียงตาม จะเกิดขึ้นเร็ว หรือ ช้า ขึ้นอยู่กับเราปรับไว้รวมไปถึงจำนวนของเสียงตามว่าจะให้มีเสียงโน็ตตัวนั้นตามมากี่ครั้งเราก็สามารถปรับได้เช่นกัน สำหรับมือใหม่นั้นเป็นเอฟเฟคที่สำคัญเลยทีเดียว
เพราะจะทำให้การเล่นกีตาร์มีมิติมากขึ้น น่าฟังมากขึ้น เห็นได้จากการที่เราโซโล่กีตาร์แบบไม่ใส่ดีเลย์ลงไป เสียงปกติจากตัวกีตาร์จะห้วนๆ ฟังดูไม่ค่อยไพเราะเท่าไร แต่เมื่อเราใส่เอฟเฟ็คดีเลย์ลงไป จะทำให้เสียงที่ดูห้วนๆนั้นมีมิติของเสียงสะท้อนที่ดูไพเราะลื่นหูยิ่งขึ้น ฟังดูดี ดูเท่ห์ มีเสน่ห์กว่าเสียงกีตาร์เปล่าๆแน่นอน
เอฟเฟคดีเลย์มี 2 ชนิด คือ
- แบบอนาล็อก (analog)
เสียงจะมีความขุ่นมัว มีความแกว่งของเสียง มีเสน่ห์ มีคาร์แร็กเตอร์แบบวินเทจ ย้อนยุค เหมือนเสียงจากเทปเก่าๆ เสียงเอฟเฟคไม่กวนเสียงจริงมากเกินไป
- แบบดิจิตอล (Digital)
เสียงจะมีความไกล้เคียงกับเสียงจริงมากกว่าแบบ อนาล็อค มีความสม่ำเสมอของเสียง ปรับไว้อย่างไร เสียงที่ได้จะมีความเที่ยงตรง ไม่เพี้ยนไปจากที่ปรับไว้ ใช้งานง่าย ปรับง่าย มีลูกเล่นเยอะกว่าอนาล็อค ไม่ว่าจะโหมดต่างๆที่มีให้เลือก แถมในบางรุ่นสามารถจำลองเป็นอนาล็อคดีเลย์ได้อีกด้วย
2.คอรัส (Chorus)
เป็น เอฟเฟคกีตาร์ ที่ทำให้เสียงมีมิติมากขึ้น จัดอยู่ในหมวด โมดูเลชั่น (Modulation)
หลักการทำงานของมันคือ เมื่อเราดีดกีตาร์ สัญญาณเสียงจากกีตาร์จะวิ่งเข้าไปที่วงจรของเอฟเฟค ตัวเอฟเฟคจะทำการผสมเสียงกีตาร์เข้ากับความถี่ต่างๆ เมื่อความถี่ของเสียงกีตาร์กับความถี่ที่เอฟเฟคสร้างขึ้นมารวมกันจึงเกิดการซ้อนทับกัน และทำให้เสียงกีตาร์ทีความแกว่ง หรือ การสั่นเครือของเสียง การสั่นนี้เองที่เป็นความไพเราะของเสียง ความนุ่มนวล ความหนา ละมุนกว่าเสียงเดิมๆของกีตาร์
โดยคอรัส เป็นเอฟเฟคที่นิยมใช้กันมากในยุค 80′ แต่รู้ไหมว่าจริงๆแล้ว เสียงคอรัสนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกครั้งแรกในช่วง 1930 ด้วยการใช้ แฮมมอนด์ ออร์แกน (Hammond organ) เกิดจากความไม่ตั้งใจ เป็นความเพี้ยนของเสียง ต่อมาในยุค 60′ เอฟเฟคคอรัส ได้ถูกใช้งานเป็นครั้งแรก ใน Abbey Roads Studio โดยวง The Beatles ในปี 1966
3.รีเวิร์บ (Reverb)
เป็นเอฟเฟคที่จำลองการสะท้อนของเสียงตามธรรมชาติ ซึ่งเอฟเฟคจะทำหน้าที่เป็นตัวจำลองเสียงก้อง ตามธรรมชาติ ซึ่งความก้องที่ว่านั้น ถ้าจะพูดให้เห็นภาพคือ เอฟเฟคจะจำลองเสียงจากขนาดและรูปแบบห้องต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ห้องโถง โรงละคร หรือ คอนเสิร์ตฮอลล์ เป็นต้น ซึ่งขนาดของห้องนี่เองที่เป็นตัวกำหนดความก้องของเสียง ว่าจะก้องมากน้อยขนาดไหน ยิ่งห้องที่มีขนาดใหญ่ความก้อง ความมีมิติของเสียงก็จะมากขึ้นไปด้วย
การเพิ่มรีเวิร์บลงไปในเสียงกีตาร์ ก็เป็นการทำให้เสียงมีเสน่ห์ มีความกังวาล ความนุ่มนวลขึ้น มีมิติ ทำให้ซาวด์กีตาร์ดูดี ดูน่าฟังกว่า และฟังดูไม่แห้ง กระด้าง เหมือนกับเสียงกีตาร์เปล่าๆ เอฟเฟครีเวิร์ปนั้นนอกจากจะเป็นเอฟเฟคก้อนแล้ว ในตู้แอมป์กีตาร์ส่วนใหญ่ก็ให้มาที่หน้าตู้อยู่แล้ว แต่อาจจะปรับได้ไม่กว้างเหมือนกับที่แยกออกมาเป็นเอฟเฟคก้อนที่จะมีโหมดให้เลือกใช้หลากหลายโหมด
เอฟเฟ็ครีเวิร์บเป็นเอฟเฟคที่มีประโยชน์ มักใช้กันมากไม่ว่าจะเป็นงานสตูดิโอ งานแสดงคอนเสิร์ต เพราะ สามารถตอบโจทย์เราได้ หากเราต้องการเสียงที่มาจากสถานที่ต่างๆ เช่น หากเราต้องการเสียงกีตาร์ที่เหมือนเล่นอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ใหญ่ๆ แต่เราเล่นอยู่ในห้องนอน ห้องอัด หรืองานอีเว้นท์เล็กๆ การใช้เอฟเฟคตัวนี้ก็จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ดี
4.บูส (Boost)
เป็นเอฟเฟคที่มือกีตาร์หลายคนนิยมใช้กัน โดยหน้าที่ของมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเหมือนเอฟเฟคก้อนอื่นๆ คือ ไว้ใช้เพิ่มเสียงกีตาร์ให้ดังขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเสียงคลีนหรือเสียงแตก ก็สามารถบูสได้ การทำงานของมันจะบิดเบือนสัญญาณกีตาร์น้อยกว่าเอฟเฟคชนิดอื่นๆ มักใช้ในท่อนโซโล่ และทำให้มีเนื้อเสียงเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกด้วย ใครที่รู้สึกว่าเวลาเล่นกีตาร์ถึงเวลาโซโล่แล้วโดนเสียงเครื่องดนตรีชิ้นอื่นกลบเสียงเรา ไม่โดดเด่น เสียงโซโล่จม แนะนำให้ใช้บูส เพื่อเพิ่มพลังเสียงให้โดดเด่นออกมาครับ
5.โอเวอร์ไดร์ฟ (Over Drive)
โอเวอร์ไดร์ฟ เป็นเอฟเฟคที่สำคัญอีกก้อนหน่งเลยก็ว่าได้ เพราะใช้ในเพลงแทบทุกเพลงแทบทุกแนวเลยทีเดียว ด้วยความนิยมและสำคัญของโอเวอร์ไดร์ฟ ตู้แอมป์กีตาร์หลากหลายรุ่นหลากหลายยี่ห้อจึงจับไปใส่ไว้ในตู้แอมป์ด้วย ไว้ใช้งานได้ทันที สะดวกสบาย และแอมป์บางตัวก็แถมฟุตสวิตซ์มาเพื่อใช้สลับเสียงแตกกับเสียงคลีน ที่มาจากตู้เลยทีเดียว
โอเวอร์ไดร์ฟเกิดจาก ในสมัยก่อน เสียงเอฟเฟคต่างๆยังไม่มีให้ใช้กัน มีเพียงตู้แอมป์หลอดที่เป็นตัวขยายเสียงกีตาร์ มีเพียง EQ ไว้ปรับย่านเสียงต่างๆ ทีเห็นกันในตู้แอมป์หลายๆตัวก็จะมี ย่าน Bass/Low, Mide, Table และวอลลุ่มปรับความดัง-เบา โอเวอร์ไดร์ฟเกิดขึ้นเพราะการทำให้การขยายเสียงของแอมป์ทำงานมากเกินขีดจำกัดจนมันเกิดเสียงแตกออกมา หรือเรียกง่ายๆคือ ปรับวอลลุ่มจนดังเกินไปจนเสียงแตกนั่นเอง ซึ่งลักษณะเสียงแตกของโอเวอร์ไดร์ฟจะเป็นแบบ soft-cliping กล่าวคือ เสียงแตกแบบไม่ละเอียด หรือที่เรียกกันว่า “เสียงแตกน้อย” เสียงแตกที่ได้ยังคงเนื้อเสียงที่เป็นก้อนๆ ไม่แตกซ่าน มีความหนึบๆติดมือเวลาดีด รายละเอียดเสียงยังคงได้ยิน
เวลาดีดจะมีผลต่อการแตกของเสียงโอเวอร์ไดร์ฟ คือ หากเราดีดเบา เสียงแตกก็จะออกมาน้อย หากเราดีดแรง ยิ่งแรง เสียงยิ่งแตกมาก เป็นเสียงที่มีเสน่ห์มาก ถ้าเปิดเสียงโอเวอร์ไดร์ฟอ่อนๆแล้วใช้ตีคอร์ด จะทำให้เสียงคลีนมีกลิ่นอายของเสียงแตกปลายๆนิดๆ ได้ซาวด์เสียงคลีนอีกแบบที่มีความชัดเจนขึ้น หรือจะเป็นการโซโล่ก็เพิ่มเสน่ห์ ความเท่ในแบบโอเวอร์ไดร์ฟ
6.ดิสทอร์ชั่น (Distrotion)
เป็นเอฟเฟคเสียงแตกอีกก้อน ที่มือกีตาร์นิยมใช้กัน ซึ่งมีความแตกต่างกับเสียงโอเวอร์ไดร์ฟ ที่คาร์แรกเตอร์และหลักการทำงาน ดังนั้นเมื่อมีเสียงแตกแบบโอเวอร์ไดร์ฟแล้ว ก็ควรมีเสียงแตกแบบดิสทอร์ชั่นไว้ในบอร์ดด้วย
หลักการทำงานของเอฟเฟคดิสทอร์ชั่นคือ การบิดเบือนเสียงกีตาร์ ตามชื่อดิสทอร์ชั่น ที่แปลว่าบิดเบือน เมื่อเสียงถูกบิดเบือน จึงเกิดความเพี้ยนของเสียงจนเสียงแตกแผดๆ พร่าๆ เมื่อดูเข้าไปที่ Wave form ของเสียงกีตาร์ที่ผ่านเอฟเฟคดิสทอร์ชั่น จะเป็นแบบ Hard cliping เป็นการตัดยอดคลื่นที่แหลมๆให้กลายเป็นเหลี่ยมไปเลย
เนื่องจากการทำงานของเอฟเฟคเป็นการบิดเบือนเสียง เมื่อเราเบาวอลลุ่มเอฟเฟค เสียงแตกจะยังคงที่แค่เสียงเบาลงเท่านั้น นักดนตรีมักเรียกเอฟเฟคเสียงดิสทอร์ชั่นว่า เสียงแตกเยอะ หรือแตกหนัก ด้วยความที่เสียงแตกแผดๆจึงทำให้เสียงมีความดุดันมากกว่า โอเวอร์ไดร์ฟ นิยมในเพลงแนว Rock ตั้งแต่ Rock & roll, Hard Rock, เรียกได้ว่า เราจะได้ยินซาวด์เสียงแตกจากดิสทอร์ชั่น ในวงร็อคทุกวง เพลงร็อคแทบทุกเพลงเลยทีเดียว
7.วาว (Wah Wah)
เป็น เอฟเฟคกีตาร์ ที่มีหน้าตาเหมือนฟุทวอลลุ่ม แต่ต่างกันตรงที่เสียงของวาว พัฒนามาเพื่อสร้างสีสันให้บทเพลง ทำให้เสียงกีตาร์มีความแปลกใหม่ ดูน่าค้นหา ลักษณะเสียงที่ได้จะเหมือนกับชื่อของมันเลย คือ เสียง วาวๆ! โดยวิธีใช้เท้าเหยียบขึ้น-ลง ไปบนเอฟเฟค ทำให้การเล่นกีตาร์ของคุณ สนุกขึ้น มีมิติมากขึ้น พบได้บ่อยๆในบทเพลงของ Jimi Hendrix นักดนตรีระดับโลก